โรคริดสีดวงตา Trachoma คืออะไร
เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ตาซึ่งอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนทำให้ตาบอดก่อนวัยได้ สาเหตุที่สำคัญคือเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Chlamydia trachomatis อาการเริ่มต้นจะไม่มาก อาจจะมีอาการระคายเคืองตา และมีหนองอกเล็กน้อย หากมีการติดเชื้อซ้ำอาจจะทำให้เกิดตาบอด
โรคนี้ติดต่ออย่างไร
โรคริดสีดวงตานี้จะติดต่อโดยตรงจากการสัมผัส วิธีติดต่อที่สำคัญคือ
โรคริดสีดวงตามีอาการอย่างไร
อาการเริ่มแรกจะมีการติดเชื้อที่เปลือกตาทำให้เกิดตาแดง น้ำตาไหลมีขี้ตา บางคนจะรู้สึกเหมือนมีผงในตา หากพลิกดูหนังตาจะพบเป็นตุ่มเล็กๆที่เรียกว่า Follicle การติดเชื้อเพียงครั้งเดียวจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อดวงตา หากมีการติดเชื้อซ้ำจะทำให้เกิดการอักเสบของเปลือกตา ทำให้เกิดพังผืดดึงรั้งเกิดแผลเป็นบริเวณขอบเปลือกตาเป็นต้นเหตุให้ขนตาเกเข้า (Trichiasis) ขนตาชี้ลงจนครูดบาดกระจกตา ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บตา เคืองตามากขึ้น ตามด้วยมีขี้ตามากขึ้น ขนตาจะทิ่มแทงกระจกตาทำให้เกิดแผลที่กระจกตา keratitis นานเข้าการอักเสบจะลามเข้าถึงในตาทำให้เกิดฝ้าขาว
หนังตาบนอักเสบเห็นเป็นตุ่มๆ |
หนังตาบนจะเกิดพังผืด |
เริ่มมีพังผืดที่ตาดำจะเห็นเป็นฝ้าขาว |
นอกจากนั้นการอักเสบจะทำให้ท่อน้ำตาอุดตันก็จะเกิดตาแห้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตา ทำให้ตามองไม่เห็น
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค
การวินิจฉัยโรคริดสีดวงตา
การวินิจฉัยจะอาศัยประวัติและการตรวจพบตุ่มที่ใต้หนังตาบน มีพังผืดที่หนังตา กระจกตาเป็นแผล ขึ้นกับระยะของโรค หากสงสัยก็นำขี้ตาไปย้อมและเพาะเชื้อก็จะพบเชื้อที่เป็นสาเหตุ
การรักษา
การผ่าตัด
เป็นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนทิศทางของขนตามิให้ทิ่มแทงกระจกตา
ยาปฏิชีวนะ
ยาปฏิชีวนะทั้งชนิดหยอดตา และยารับประทาน เป็นยาในกลุ่ม Tetracycline โดยเป็นยารับประทาน 1.5–2 กรัมต่อวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ และเป็นยาขี้ผึ้งป้ายตาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน หรือใช้ยา Erythromycin หากผู้ป่วยแพ้ยาTetracycline ปัจจุบันมีแพทย์บางท่านแนะนำใช้ Agithomycine 2 กรัมเพียงครั้งเดียวก็ได้
การล้างหน้า
การล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดและสบู่จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
การจัดการกับสิ่งแวดล้อม
วันที่: Fri Nov 15 05:12:00 ICT 2024
|
|
|