โรคหัวใจ
โรคหัวใจเป็นโรคที่พบบ่อยโดยเฉพาะโรคหัวใจที่เกิดกับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ นอกจากนั้นยังเกิดโรคหัวใจที่ กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ
สำหรับประเทศไทยอัตราการเกิดโรคหัวใจ เพิ่มขึ้นอย่างมาก และอัตราการตาย เพิ่มขึ้นเป็นอันดับต้นๆของประเทศ เรามาเรียนรู้โรคเกี่ยวกับโรคหัวใจ
โรคหัวใจ
หัวใจของเราประกอบไปด้วย เยื่อหุ้มหัวใจ หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ โรคที่เกิดกับอวัยวะเหล่านี้เราเรียกรวมว่าโรคหัวใจซึ่งพอจะอธิบายพอสังเขปดังนี้
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ Coronary artery disease
เป็นโรคที่เกิดกับหลอดเลือด Coronary artery ซึ่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจที่ทางการแพทย์เรียก CAD สาเหตุเกิดจากหลอดเลือดแดงแข็ง ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ เกิดอาการเจ็บหน้าอกเนื่องจากหัวใจขาดเลือด(ที่เรียกว่า angina pectoris) หากเป็นมากกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เรียกว่า Acute Myocardial infartion ซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิตมาก
โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด Coronary heart disease
หมายถึงการที่เส้นเลือดหัวใจตีบและเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจ เช่นการเจ็บหน้าอก การเกิดช็อกจากหัวใจเป็นต้น กลุ่มโรคนี้แบ่งออกเป็น
โรคกล้ามเนื้อหัวใจ Cardiomyopathy
เป็นโรคที่เกิดกับกล้ามเนื้อหัวใจ สาเหตุอาจจะเกิดจากพันธุกรรม โรคหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอาจจะหนาตัว (Hypertrophic) หัวใจอาจจะพองโต(dilate) หากไม่ทราบสาเหตุเราเรียก idiopathic
โรคลิ้นหัวใจ Vulvular Heart Disease
โรคที่เกิดกับลิ้นหัวใจซึ่งอาจจะเกิดตีบ (stenosis) หรือลิ้นหัวใจรั่ว(regurgitant or insufficiency) ซึ่งอาจจะเกิดที่ลิ้นหัวใจลิ้นใดลิ้นหนึ่งหรือหลายลิ้น(ปกติเรามีลิ้นหัวใจอยู่ 4 ลิ้น ลิ้นที่กั้นระหว่างห้องบนและล่างของข้างซ้ายเรียก mitral valve ลิ้นที่กั้นระหว่างห้องบนและล่างของข้างขวาเรียก Tricuspid valve ลิ้นที่กั้นระหว่างห้องล่างซ้ายและหลอดเลือดแดงใหญ่ Aorta เรียก aortic valve ลิ้นที่กั้นระหว่างห้องล่างของข้างขวาไปปอดเรียก Pulmonamic valve ) สาเหตุของความผิดปกติอาจจะเกิดจากกรรมพันธ์ การอักเสบจากลิ้นหัวใจ โรคหัวใจรูมาติก ยา การฉายแสง
โรคเยื่อหุ้มหัวใจ ericardial Disease
อาจจะเกิดจากการอักเสบ (pericarditis) มีน้ำขังในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ (pericardial effusion) เยื่อหุ้มหัวใจไม่ขยาย(constrictive pericarditis) ผลของการเกิดโรคอาจจะเกิดอาการเจ็บหน้าอก หรือหอบเหนื่อย
โรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด Congenital Heart Disease
เป็นโรคหัวใจพิการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โรคอาจจะเกิดที่ลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ ผนังหัวใจ หรือหัวใจห้องล่างมีห้องเดียว หากเป็นมากก็อาจจะเสียชีวิตหลังคลอด แต่บางคนเป็นน้อยไม่มีมีอาการ จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ซึ่งตรวจพบโดยบังเอิญ
โรคหัวใจวาย Congestive Heart Failure
หมายถึงภาวะที่หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญไม่เพียงพอ ไม่ใช่หัวใจหยุดทำงาน เพียงแค่หัวใจบีบเลือดไม่เพียงพอที่เลี้ยงอวัยวะภายในทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก เท้าบวม ส่วนสาเหตุอาจจะเกิดจากเส้นเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
โรคหลอดเลือดและน้ำเหลือง
หลอดเลือดเป็นท่อกลวงเพื่อนำนำและสารหลั่งไปยังอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย
ตัวอย่างโรคต่างๆ
Aterosclerosis or arteriosclersis
เป็นภาวะที่มีการแข็งตัวของผนังหลอดเลือด หลอดเลือดไม่สามารถขยายได้เมื่อหัวใจบีบตัว ซึ่งอาจจะเกิดจากกล้ามเนื้อผนังหลอดเลือดหนาตัวหรือเกิดจากมีการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด ผลอาจจะทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะน้อยลงจนเกิดอาการ
ความดันโลหิตสูง High Blood Pressure
เป็นภาวะที่มีแรงกระทำต่อผนังหลอดเลือดมากซึ่งทำให้ผนังหลอดเลือดหนาตัว โรคความดันโลหิตสูงอาจจะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือโรคหัวใจวาย
โรคอัมพาต Stroke
โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันหรือโรคลมปัจจุบัน เป็นภาวะที่สมองสูญเสียหน้าที่การทำงาน สาเหตุอาจจะเกิดจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยง ischemia หรือเกิดจากเส้นเลือดสมองแตกและมีเลือดคั่งในเนื้อสมอง Hemorrhage
Aneurysm
หมายถึงภาวะที่ผนังหลอดเลือดโป่งพองออก ภาวะนี้จะโตอยู่ตลอดเวลา และมีโอกาศที่จะแตกและเสียชีวิต เส้นเลือดที่โป่งมากคือเส้นเลือดแดงใหญ่ในท้อง Abdominal aorta aneurysm
โรคหลอดเลือดส่วนปลาย Peripheral arterial disease
หมายถึงโรคของหลอดเลือดที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงแขนหรือขาไม่เพียงพอ อาการเริ่มแรกจะมีอาการปวดแขนหรือขาเมื่อเวลาใช้งาน หากเป็นมากขึ้นจะปวดแขนหรือขาตลอดเวลา ผิวเย็น ผิวคลำมัน หากไม่แก้ไขอาจจะทำให้ต้องตัดแขนหรือขา
โรคหลอดเลือดอักเสบ Vasculitis
หมายถึงการอักเสบของหลอดเลือดโดยเฉพาะหลอดเลือดแดง แต่ก็อาจจะเกิดการอักเสบกับหลอดเลือดดำได้ ผลจากการอักเสบทำให้ผนังหลอดเลือดมีการเปลี่ยนแปลงทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะนั้นน้อยลง
Venous incompetence
เลือดดำาหมายถึงเลือดที่ร่างกายใช้แล้วจะถูกนำกลับสู่ร่างกายโดยหลอดเลือดดำ โดยปกติการเดินทางของหลอดเลือดดำจะไปในแนวทางเดียวโดยมีลิ้นกั้นมิให้เลือดไหลกลับ ภาวะนี้คือภาวะที่ลิ้นหลอดเลือดรั่ว เลือดจะไหลกลับมาทำให้หลอดเลือดโป่ง
Venous thrombosis
หมายถึงภาวะที่มีลิ่มเลือดในหลอดเลือด โดยมากเกิดที่เส้นเลือดน่อง ทำให้ขาบวม หากลิ่มเลือดหลุดลอยเข้ากระแสเลือดอาจจะทำให้ไปอุดหลอดเลือดในปอด ซึ่งอันตรายทำให้เสียชีวิต
Varicose veins
หมายถึงภาวะที่หลอดเลือดดำมีการโป่งพองและบิดตัว โดยมากเกิดจากลิ้นผนังหลอดเลือดรั่ว
Lymphedema
เกิดจากมีการอุดกั้นของทางเดินน้ำดี ทำให้เกิดการบวมและปวด สาเหตุอาจจะเกิดจากการอักเสบ เช่นโรคเท้าช้าง
วันที่: Thu Nov 14 22:54:28 ICT 2024
|
|
|