เชื่อว่าหลายท่านโดยเฉพาะคุณผู้หญิงคงเคยมีอาการปัสสาวะขัด หรือบางคนอาจจะเรียกว่าปวดปัสสาวะกันมาแล้วเนื่องจากผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ ส่วนผู้ชายพบไม่บ่อย การที่มีอาการเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โดยเชื้อที่เป็นสาเหตุอยู่รอบๆท่อปัสสาวะเมื่อมีการได้รับบาดเจ็บของท่อปัสสาวะเช่น การขี่ม้า การขี่จักรยาน การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง การคุมกำเนิดโดยใช้ diaphragm หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างมีประจำเดือน ก็เป็นสาเหตุของปัสสาวะขัด ผู้ที่มีทางเดินปัสสาวะอักเสบจะมีประวัติและความเจ็บป่วยดังนี้อาการ
- ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะออกครั้งละไม่มาก
- ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น
- ปวดหน่วงบริเวณบริเวณหัวเหน่า
- ปวดแสบเมื่อปัสสาวะจะสุด
- ปัสสาวะกลางคืนบ่อย
- ปัสสาวะมีเลือดปน
- ถ้าเป็นกรวยไตอักเสบจะมีไข้ หนาวสั่น ปวดหลัง คลื่นไส้อาเจียน
- สำหรับผู้ชายสูงอายุอาจจะมีอาการปัสสาวะไม่พุง ปัสสาวะลำบากเป็นมาก่อน
- ผู้ป่วยบางรายอาจจะเคยคาสายสวนปัสสาวะหรือส่องกล้องดูกระเพาะปัสสาวะ
หากท่านมีอาการดังกล่าวท่านต้องสังเกตอาการและเตรียมตอบคำถามของแพทย์
- ระยะเวลาที่ปวด
- ปวดทุกครั้งหรือไม่ที่ปัสสาวะ
- ปวดปัสสาวะกี่วันมาแล้ว
- อาการปวดเกิดทันทีหรือไม่
- ลักษณะอาการปวด
- อาการปวดจะเกิดเริ่มเมื่อปัสสาวะ
- อาการปวดจะหายไปเมื่อปัสสาวะเสร็จ
- ลักษณะอาการปวด แสบๆ ปวดบิดๆ
- ตำแหน่งที่ปวด
- ปวดที่หลัง
- ปวดที่หัวเหน่า
- ปวดที่ท่อปัสสาวะ
- ปัจจัยที่กระตุ้นให้ปวดมากขึ้น เช่น
- ปวดมากขณะยืน นั่ง หรือนอน
- ปวดเวลากลางวัน กลางคืน
- อุจาระแล้ปวดหรือไม่
- อาการอื่นที่สำคัญ
- ไข้ หนาวสั่น
- หนองติดกางเกงในหรือไม่
- สีและกลิ่นของปัสสาวะ
- ปริมาณของปัสสาวะ
- มีเลือดร่วมด้วยหรือไม่
หากท่านมีอาการดังกล่าวควรรีบรักษาด้วยตัวเองทันทีสามารถทำได้โดย
- หากมีอาการปวดปัสสาวะให้รีบไปปัสสาวะทันที
- รีบรับประทานยารักษาทันที
- ให้ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบบริเวณหัวเหน่าหรือเปิดน้ำอุ่นประคบ 20 นาทีทุก 2 ชั่วโมงใน สองวันแรกระวังอย่าให้น้ำร้อนจนผิวหนังได้รับอันตราย
- ให้ดื่มน้ำมากๆ
สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ท่อปัสสาวะอักเสบ