วิตามินบี 2 หรือ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) เป็นหนึ่งใน 8 ชนิดของวิตามินบีที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญ
ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยมีบทบาทในการเร่งปฏิกิริยาในขบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน
วิตามินบี 2 เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ (เช่นเดียวกับวิตามิน B อื่นๆ) จึงไม่มีการสะสมในร่างกาย หากได้รับ
มากเกินไป ร่างกายจะขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ จึงมักไม่ค่อยพบอาการเป็นพิษจากการได้รับวิตามินบี 2
มากเกินไปค่ะ
นอกจากวิตามินบี 2 จะมีส่วนช่วยในการสร้างพลังงานให้กับร่างกายแล้ว ยังมีบทบาทในการทำหน้าที่เสมือน
สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) เพราะจะไปทำให้อนุมูลอิสระ (free radicals) ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอันเป็น
ตัวทำลาย DNA และทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพนั้นมีจำนวนลดลง และวิตามินบี 2 ยังมีส่วนช่วยร่างกาย
ในการแปลงวิตามินบี 6 และโฟเลตให้อยู่ในรูปที่ร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้อีกด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ
อย่างมากสำหรับการเจริญเติบโตและการสร้างเม็ดเลือดของร่างกาย
หากได้รับวิตามินบี 2 ไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ร่างกายอ่อนล้า เติบโตช้า มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร มุมปาก
มีแผลแตกหรือที่เรียกว่าปากนกกระจอก ลิ้นบวมช้ำ สายตาอ่อนล้า คอบวมและเจ็บ และทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยา
ที่ไวต่อแสงได้
วิตามินบี 2 พบมากในอาหารที่มีการหมักของยีสต์ (เช่น ขนมปัง) อัลมอนด์ เนื้อสัตว์ ธัญพืชไม่ขัดสี จมูกข้าวสาลี
เห็ด ถั่วเหลือง นม โยเกิร์ต ไข่ ผักกะหล่ำปลีและผักโขม ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากแป้ง (เช่น ขนมปัง) และอาหารเช้า
แบบซีเรียลส่วนใหญ่ก็มีมักจะมีการเสริมวิตามินบี 2 เข้าไปด้วย
วิตามินบี 2 ถูกทำลายได้ด้วยแสงแต่ไม่ถูกทำลายด้วยความร้อน แต่อาจมีการสูญสลายไปในน้ำเมื่อมีการต้มหรือล้าง
ได้ค่ะ การย่างและการนึ่งอาหารจะช่วยให้สูญเสียวิตามินบี 2 น้อยกว่าการทอดหรือการลวกนะคะ
ปริมาณวิตามินบี2 ที่ลูกน้อยควรได้รับต่อวันได้แก่
• แรกเกิด-6 เดือน: 0.3 mg
• ทารก 6-12 เดือน: 0.4 mg
• เด็ก 1-3 ปี: 0.5 mg
• เด็ก 4-8 ปี: 0.6 mg
• เด็ก 9-13 ปี: 0.9 mg
อย่างไรก็ตาม การจะให้ลูกน้อยกินวิตามินเสริมใดๆ นั้น คุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอก่อนนะคะ เพื่อ
จะได้ทราบว่ามีความจำเป็นต้องให้ลูกน้อยได้รับวิตามินเสริมหรือไม่ และหากจำเป็นคุณหมอจะสามารถบอก
ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยได้ค่ะ
วันที่: Thu Nov 14 23:15:02 ICT 2024
|
|
|