Aโคลีน (
Choline)
เป็นหนึ่งในสารที่ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และจัดอยู่ในกลุ่มของ
วิตามินบีรวม โดยโคลีนจะทำงานร่วมกับ
อิโนซิทอล ในกระบวนการใช้ไขมันและคอเลสเตอรอลของร่างกาย
Bโคลีน เป็นสารที่สามารถผ่านระบบกรองระหว่างเลือดและสมอง ซึ่งเป็นระบบที่ปกป้องสมองจากสารหลากหลายในอาหารที่เรารับประทานเข้าไป โดยโคลีนจะตรงเข้าไปยังเซลล์สมองเพื่อผลิตสารเคมีที่ช่วยในเรื่องความทรงจำ และยังช่วยในการกระจายตัวของคอเลสเตอรอล ไม่ให้คอเลสเตอรอลเกาะที่ผนังเส้นเลือดแดงหรือผนังของถุงน้ำดี โดยการใช้โคลีนในร่างกายจะขึ้นอยู่กับ
วิตามินบี12 กรดโฟลิก และ กรดแอมิโนแอล-คาร์นิทีน
Cสำหรับแหล่งที่พบโคลีนตามธรรมชาติ ได้แก่
ไข่แดง เนื้อสัตว์ หัวใจ สมอง ตับ ปลา ผักใบเขียว ยีสต์ จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ถั่วเหลือง ถั่วลิสง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เป็นต้น
Dผลเสียของการรับประทานเกินขนาด ในปัจจุบันยังไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหากมีการรับประทานในปริมาณมากติดต่อกันทุกวัน และศัตรูของโคลีน ได้แก่
น้ำ กระบวนการแปรรูปอาหาร แอลกอฮอล์ ยาในกลุ่มซัลฟา ฮอร์โมนเอสโทรเจน
Eโรคจากการขาดโคลีน ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ โรคตับแข็งหรือไขมันสะสมที่ตับ ผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว
คำแนะนำในการรับประทานโคลีน
- โคลีนมักพบเจอในรูปแบบของวิตามินบีรวม โดยจะมีโคลีนและอินอซิทอลอยู่ประมาณ 50 มิลลิกรัม หรือพบได้ในรูปของเลซิทินแบบแคปซูลซึ่งทำมาจากถั่วเหลือง โดยมีโคลีนและอินอซิทอลอยู่อย่างละประมาณ 244 มิลลิกรัม และอาจมีวางจำหน่ายในรูปของ ฟอสฟาทิดิลโคลีน หรือ ฟอสฟาทิดิลอิโนซิทอล
- ในปัจจุบันยังไม่มีขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันอย่างเป็นทางการ แต่มีการประมาณว่าในวัยผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ประมาณ 500 – 900 มิลลิกรัมต่อวัน
- แต่ขนาดที่แนะนำให้รับประทานโดยทั่วไปต่อวันคือประมาณ 500 – 1,000 มิลลิกรัม
- คุณควรรับประทานโคลีนที่อยู่รูปของ วิตามินบีรวม
- การรับประทานโคลีน อาจช่วยลดภาวะอาการตื่นตระหนกตกใจบ่อยๆได้
- เพื่อเสริมสร้างประสิทธภาพด้านความทรงจำ คุณควรรับประทานโคลีนให้มากขึ้น
- การรับประทานเลซิทินเสริม อาจจะต้องรับประทาน ธาตุแคลเซียม เสริมด้วยเพื่อให้ระดับของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกายสมดุลกัน เนื่องจากโคลีนเพิ่มการดูดซึมของ ธาตุฟอสฟอสรัส
- สำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ควรจะรับประทานโคลีนเสริม เพื่อช่วยลดการทำงานหนักของตับ
ประโยชน์ของโคลีน
- ช่วยลดการสะสมตัวของคอเลสเตอรอลได้
- ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย
- ช่วยกำจัดสารพิษและยาที่ค้างในร่างกาย โดยช่วยเสริมการทำงานของตับ
- ช่วยในกระบวนการส่งกระแสประสาท โดยเฉพาะในสมองส่วนที่ทำงานที่ด้านความจำ
- ช่วยต่อสู้กับปัญหาความจำเสื่อมในวัยสูงอายุ (ด้วยขนาด 1,000 – 5,000 มิลลิกรัม ต่อวัน)
- ช่วยรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้
- ช่วยป้องกันภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด
- ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ